"แพทริก รีด"สร้างสถิติใหม่ อายุน้อยสุดชนะเวิลด์กอล์ฟ

  

แพทริก รีด หนุ่มอเมริกันกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ชนะ รายการของเวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ ด้วยชัยชนะ 1 สโตรค ในศึกคาดิแลค แชมเปี้ยนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 270 ล้านบาท ณ สนาม โดรัล เมืองโดรัล รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

ในรอบสุดท้าย แพทริก รีด หวดเข้ามาอีเวนพาร์ 72 รวมสี่วันคว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 284 เฉือนะชนะ บับบ้า วัตสัน และ จามี โดนัลด์สัน เพียงสโตรคเดียว นับเป็นการคว้าแชม์พีจีเอทัวร์รายการที่สามในรอบ 8 เดือนหลังสุดของ รีด ด้วย

"ในสัปดาห์นี้ผมตีช็อตได้ดีมาก และที่โดดเด่นที่สุดคือการพัตต์ของผม" รีด กล่าว "เมื่อใดก็ตามที่คุณเดินทางมาแข่งขันด้วยความมั่นใจในเกมพัตต์ของตัวเอง เมื่อนั้นความกดดันต่างๆที่มีอยู่ก็จะค่อยๆหายไปเปลี่ยนเป็นความมั่นใจ"

"และการเล่นที่สนามแห่งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเล่นด้วยความมั่นใจ และผมรู้สึกว่าในสัปดาห์นี้ผมสามารถทำได้อย่างดีทีเดียว"

แพ ทริก รีด นักกอล์ฟอเมริกันวัย 23 ปีออกสตาร์ทรอบสุดท้ายด้วยการนำ 2 สโตรค และหนีห่างเป็น 4 สโตรคอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมาโดดไล่กดดันในช่วงท้ายจาก จามี โดนัลด์สัน

จามี โดนัลด์สัน นักกอล์ฟจากสหราชอาณาจักรมาได้เบอร์ดี้ที่หลุม 17 ทำให้เขาไล่หลัง รีด เหลือเพียงสโตรคเดียวเท่านั้น แต่ที่หลุมสุดท้าย โดนัลด์สัน ดันแอพโพรชตกบังเกอร์และพลาดเสียโบกี้ ส่งผลให้ รีด ตัดสินใจเล่นเลย์อัพและคว้าชัยชนะไปครองสำเร็จแม้จะออกโบกี้ที่หลุมสุดท้าย ก็ตาม

จามี โดนัลด์สัน ที่จบสกอร์รอบสุดท้าย 4 อันเดอร์พาร์ 68 และ บับบ้า วัตสัน ที่จบสกอร์รอบสุดท้าย 2 อันเดอร์พาร์ 70 และจบอันดับสองร่วมกันที่สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 285 และนอกจากนี้ไม่มีนักกอล์ฟคนไหนอีกแล้วที่ทำอันเดอร์สนามได้
ทางด้าน ไทเกอร์ วู้ดส์ นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลกที่กลับมามีลุ้นอีกครั้งหลังจบรอบสามด้วยการหวด เข้ามาอีก 6 อันเดอร์พาร์ 66 ทำให้เขาออกสตาร์ทรอบสุดท้ายตามหลังผู้นำเพียง 3 สโตรค ทว่าในรอบสุดท้ายตีเกินไปถึง 6 โอเวอร์พาร์ 78 ทำให้จบการแข่งขันในอันดับที่ยี่สิบห้าร่วม

ในรอบสุดท้ายของการแข่ง ขัน แพทริก รีด สวมเสื้อแดงและกางเกงสแล็กสีดำเหมือนอย่างที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ ชอบใส่ในวันสุดท้าย และเขาก็แสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นได้อย่างดุดันไม่แพ้กันในสนามที่ออกแบบ ใหม่อีกครั้งอย่าง บลู มอนสเตอร์ และแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยขาดความมั่นใจเมื่อสามารถจบการแข่งขันด้วยชัยชนะ สำเร็จ

"ที่ผ่านมาผมฝึกซ้อมอย่างหนัก ผมชนะมาแล้วหลายรายการในสมัยเล่นเยาวชน และเมื่อสมัยที่เป็นนักกอล์ฟสมัครเล่นก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มาตอนนี้ผมเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่สามารถชนะพีจีเอทัวร์มาแล้ว 3 รายการ" แพทริก รีด กล่าวหลังได้รับเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน เดอะ มาสเตอร์ส เมเจอร์รายกาแรรกของปีที่ออกัสต้า ในเดือนเมษายนนี้แน่นอนแล้ว

"ผม ยังไม่เห็นว่ามีใครทำได้เหมือนอย่างที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ ทำไว้ แน่นอนว่าเขาเป็นนักกอล์ฟระดับตำนาน" รีด กล่าว "สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อมั่นในตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผมฝึกซ้อมมาอยากหนัก ผมจะต้องเป็นนักกอล์ฟหนึ่งในห้าของโลกให้ได้"

"การเดินทางมาแข่งขัน ที่สนามแห่งนี้และสามารถขึ้นนำการแข่งขันได้ตั้งแต่รอบแรกและรักษามันไว้ได้ จนจบรอบสุดท้าย ผมรู้สึกว่าผมสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นมาได้อีกระดับแล้ว" รีด กล่าว

ชัย ชนะรายการนี้ทำให้ แพทริก รีด กลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดแทนที่ ไทเกอร์ วู้ดส์ ที่ชนะรายการของเวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ โดยในรอบสุดท้ายเขาออกสตาร์ทด้วยเบอร์ดี้ตั้งแต่หลุมแรก แม้จะพลาดเสียโบกี้ที่หลุม 2 แต่ก็แก้ตัวด้วยสองเบอร์ดี้ซ้อนที่หลุม 3 และ 4

จากนั้น แพทริก รีด เซฟพาร์มาตลอด 9 พาร์ติดต่อกันก่อนมาพลาดออกโบกี้ที่หลุม 14 เมื่อเซฟพาร์ระยะประมาณ 5 ฟุตไม่ลง

ด้วย ความกดดันที่มากขึ้นกับหลุมที่ลดเหลือน้อยลง แต่สกอร์ก็นำห่างเพียงสโตรคเดียวเท่านั้น ทว่า แพทริก รีด ก็สามารถรับมือกับความกดดันเหล่านั้นไว้ได้

รีด สามารถเซฟพาร์ที่หลุม 15, 16 และ 17 และขึ้นทีออฟหลุม 18 ด้วยการนำแบบสบายๆ 2 สโตรค ซึ่งเขาตัดสินใจที่จะเล่นเซฟและทำสำเร็จคว้าแชมป์คาดิแลค แชมเปี้ยนชิพ ไปครองแม้จะออกโบกี้ที่หลุมสุดท้ายก็ตาม

แพทริก รีด ฉลองชัยชนะของเขาบนกรีนหลุม 18 โดยมี จัสติน ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์เข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย โดย จัสติน จะกลับมาเป็นแค็ดดี้ให้เขาอีกครั้งหลังคลอดลูกคนแรกแล้ว

สรุปผลคาดิแลค แชมเปี้ยนชิพ
         284 แพทริก รีด (สหรัฐฯ) 68 75 69 72
         285 บับบ้า วัตสัน (สหรัฐฯ) 73 72 72 68
         จามี โดนัลด์สัน (สหราชอาณาจักร) 74 70 71 70
         288 ดัสติน จอห์นสัน (สหรัฐฯ) 69 74 73 72
         ริชาร์ด สเติร์น (แอฟริกาใต้) 74 73 70 71
         289 บิล ฮาส (สหรัฐฯ) 73 76 69 71
         ธงชัย ใจดี (ไทย) 73 74 74 68
         สตีเฟ่น กัลลาเกอร์ (สหราชอาณาจักร) 75 75 70 69
         290 แกรม แม็คโดเวลล์ (สหราชอาณาจักร) 73 71 73 73
         ฮันเตอร์ เมแฮน (สหรัฐฯ) 69 74 71 76
         ชาร์ล ชวาร์ทเซล (แอฟริกาใต้) 70 76 76 68
         เจสัน ดัฟเนอร์ (สหรัฐฯ) 69 77 68 76

Credit : http://www.golftimenews.com/news.php?news=1773